[Fic Red Velvet] : Fooling Around [WenGi]
คัง ซึลกิเป็นคนชอบโกหก...
ผู้เข้าชมรวม
1,622
ผู้เข้าชมเดือนนี้
2
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
Fooling Around
Pairing : Son Seungwan(Son Wendy) x Kang Seulgi
คัง ซึลกิเป็นคนชอบโกหก...
ถึงแม้ว่าโดยพื้นฐานเธอจะไม่ใช่เด็กเลี้ยงแกะตั้งแต่จำความได้ แต่ยิ่งโตขึ้นซึลกิก็ยิ่งรู้สึกไม่ปลอดภัยถ้าหากว่าการกระทำแย่ๆของเธอจะถูกสารภาพออกไปยามที่ใครคาดคั้น หากไม่ถูกจับได้คาหนังคาเขาซึลกิก็ไม่คิดจะยอมรับ
เธอกลัวเกินไปที่จะยอมรับสิ่งไม่ดีที่ตัวเองทำ เธอรู้ว่าตัวเองไม่ใช่คนดี แต่เธอก็ไม่คิดว่าคนอื่นจำเป็นต้องรู้ ซึลกิจึงโกหก ไม่ว่าเรื่องเล็กน้อยหรือเรื่องใหญ่
แรกๆที่โกหก ซึลกิยอมรับว่ารู้สึกแย่ เธอไขว้นิ้วซ่อนไว้ด้านหลังเผื่อว่ามันจะช่วยให้รู้สึกดีขึ้น มันช่วยได้นิดหน่อย แต่หลังจากนั้นเมื่อต้องโกหกหลายครั้งเข้า เธอก็ไม่จำเป็นต้องไขว้นิ้วหรือแสดงสีหน้ากังวลอะไรออกไป เดาว่านี่คงเป็นสิ่งที่คนเกเรอย่างเธอทำได้ดียิ่งกว่าการเรียน กีฬา และดนตรี
แน่นอนว่าทุกห้องเรียนจะต้องมีนักเรียนบางคนที่เป็นขวัญใจของเพื่อน คนที่น่ารัก เรียนเก่ง นิสัยดี และคงไม่ขี้โกหก. ..ห้องเรียนของซึลกิก็มีคนประเภทนั้นเช่นกัน มัธยมปลายปีสองห้องบี มีคนประเภทที่เพื่อนรักและมีคนประเภทที่เพื่อนพอจะคบอยู่บ้างแต่ครู...เกลียด
ซน ซึงวานคือคนประเภทแรก
คัง ซึลกิคือคนประเภทที่สอง
ความดีของซึงวาน ทุกคนในห้องรู้ดี มันชัดเจนจนเหมือนจะจับต้องได้ หล่อนมีรอยยิ้มที่สดใส มีน้ำใจ เป็นหัวหน้าห้องที่ทุกคนรัก แม้แต่พวกเด็กเกเรหลังห้องอย่างกลุ่มของซึลกิที่ชอบแกล้งคนอื่นไปทั่วก็ยังเกลียดไม่ลง ครั้งหนึ่งพัค ซูยองเพื่อนคนหนึ่งของซึลกิเคยพูดว่าซึงวานน่ะไม่ใช่คนจริงๆหรอก แต่เป็นนางฟ้า ซึลกิไม่เห็นด้วยและคิดว่าซูยองพูดเกินไป ไม่มีใครที่ดีสมบูรณ์แบบได้ขนาดนั้นหรอก ซึงวานอาจจะแค่ซ่อนด้านไม่ดีในตัวได้เก่งเท่านั้นเอง
เหมือนกับซึลกิที่ซ่อนทุกอย่างไว้ภายใต้คำโกหก...
เธอเคยโกหกครูว่าปวดท้องเพื่อที่จะไปนอนในห้องพยาบาลแทนที่จะทนทรมานอยู่ในห้องเรียนฟิสิกส์ เคยโกหกว่างานที่ต้องส่งโดนฝนจนเปียกทั้งเล่มทั้งที่ความจริงเธอยังไม่ได้เริ่มทำ โกหกครูที่สอนคาบแรกหลายคนว่าต้องทำงานพิเศษจนดึกเลยมาโรงเรียนช้าแทบทุกวัน ทั้งที่ความจริงแล้วมัวแต่เล่นเกมส์จนดึกเลยตื่นสาย
มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ไม่มีใครเดือดร้อนกับการที่เธอทำตัวเหลวไหลแบบนี้...
อย่างมากก็เกรดร่อแร่ แต่เธอไม่เคยต้องมาแก้หรือซ่อมอะไรเสียหน่อย แค่เอาตัวรอดได้ก็พอ...
แต่ซึงวานไม่คิดอย่างนั้น
ไม่รู้ว่ากฎข้อใดในการเป็นหัวหน้าห้องบังคับให้ซึงวานต้องคอยเตือนซึลกิอยู่เสมอว่าพรุ่งนี้อย่ามาโรงเรียนสายอีกหรือแม้แต่ให้ยืมโน้ตวิชาฟิสิกส์เวลาที่ซึลกิหาข้ออ้างไม่เข้าเรียน กฎข้อไหนที่บังคับให้ซึงวานทักซึลกิและเพื่อนทุกครั้งที่เจอกันแม้ว่ากลุ่มของเธอจะเป็นกลุ่มที่ไม่น่าคบที่สุดในห้องก็ตาม ไม่มีใครบังคับให้ซึงวานโทรตามซึลกิเวลาที่เธอคิดจะขาดเรียนด้วยเหตุผลงี่เง่า
หล่อนคงคิดว่าการทำความดีกับคนไม่ดีแบบซึลกิจะทำให้เธอสำนึก
หรืออาจเป็นเพราะสงสาร
ซึลกิไม่คิดว่าทั้งหมดนี้เป็นเพราะซึงวานแค่เป็นคนดี ไม่มีใครดีขนาดนั้นหรอก...
ซึลกิจำเป็นต้องจดโน้ตที่ซึงวานให้ยืมมาเพื่อไม่ให้หล่อนเสียน้ำใจ ต้องตื่นเช้ากว่าเดิมเพราะไม่อยากรำคาญสายโทรเข้าจากซึงวานที่คอยเตือนว่าถ้าเธอขาดอีกชั่วโมงเรียนจะไม่ครบและจะไม่มีสิทธิ์สอบ ซึลกิเลิกโกหกเพื่อไปห้องพยาบาลเมื่อซึงวานเอาแต่ส่งข้อความย้ำว่าวันนั้นมีสอบและห้ามหายไปจากห้องเรียนเด็ดขาด
แต่ซึลกิก็ยังชอบโกหกอยู่เหมือนเดิม
เธอโกหกต่อซึงวานว่าเธอเต็มใจทำเรื่องพวกนั้น
ตั้งใจเรียนมากขึ้น... ขยันอ่านหนังสือสอบ...
ซึงวานคงเสียใจถ้าได้รู้ว่าคนที่หล่อนพยายามช่วยให้ดีขึ้นคนนี้มันแย่เกินกว่าที่เยียวยาได้แล้ว
“ทำไมไม่มาโรงเรียน?”
ซึลกิค้นพบแล้วว่าซึงวานไม่ได้เป็นคนน่ารักอย่างที่ใครเค้าพูดกันเลย หล่อนแค่เป็นคนจู้จี้ที่น่ารำคาญและไม่มีมารยาทคนหนึ่งเท่านั้นเอง
ที่ซึลกิคิดอย่างนั้นเป็นเพราะหลังจากที่ต้องฝืนตัวเองให้ขยันไปโรงเรียนทุกวัน เข้าเรียนทุกคาบและส่งงานให้ทัน เธอรู้สึกเบื่อจนไม่อยากมาคอยรับสายหรือเปิดข้อความที่หัวหน้าห้องคนเก่งคอยส่งมาอีก เธอไม่ใช่คนดีขนาดนั้น วันนี้เธอจึงปิดโทรศัพท์ ปิดช่องทางการสื่อสารทั้งหมดและนอนสบายใจอยู่ที่บ้าน จนกระทั่งมีสัญญาณว่ามีคนมาหาในเวลาบ่ายแก่ ซึลกิก็ค้นพบว่าเธอไม่สามารถหนีคนน่ารำคาญบางคนพ้น
“โทรหาก็ไม่ติด เป็นอะไรรึเปล่า?” ซึงวานที่ยืนอยู่อีกฝั่งถามจ้อเมื่อเห็นหัวซึลกิโผล่พ้นประตูไม้สูงระดับคอเพื่อมาดูว่าใครมาหาถึงบ้าน
“มาบ้านเราถูกได้ไง?” ซึลกิไม่ตอบแต่ถามกลับไปและได้คำตอบว่าหล่อนถามเอาจากซูยอง พอเลิกเรียนก็รีบถ่อมาเพื่อจะเอางานงานที่ได้รับมอบหมายใหม่และโน้ตที่ต้องจดในวันนี้มาให้ เป็นเพราะใกล้สอบเข้ามาทุกทีและซึงวานไม่อยากให้เธอสอบตก
กลัวจะโดนหาว่าเป็นหัวหน้าที่ไม่ดีขนาดนั้นเลยหรือไง?
ซึลกิเปิดประตูเพื่อรับชีทงานและสมุดที่ซึงวานเอามาให้แต่ไม่ได้เชิญให้หล่อนเข้ามา เมื่อโดนถามอีกครั้งถึงเหตุผลว่าทำไมเธอไม่ไปโรงเรียน ซึลกิก็ทำสิ่งที่ตัวเองถนัดมาตลอด
“รู้สึกไม่ค่อยดีน่ะ เหมือนจะไม่สบาย” ...โกหก
นั่นทำให้ซึงวานขยับเข้ามาอังมือกับหน้าผากของซึลกิเผื่อเช็คอุณหภูมิร่างกายว่าสูงเกินไปหรือเปล่า หล่อนพูดเบาๆว่าตัวไม่ร้อน แต่กินยาไว้ก่อนก็จะดี แน่นอนล่ะว่าตัวของซึลกิไม่ร้อน เธอแค่โกหก แต่ความรู้สึกร้อนผ่าวที่อยู่ๆก็โดนใครอีกคนเข้ามาประชิดตัวภายในร่างกายของซึลกิไม่ได้เป็นเรื่องโกหกอย่างแน่นอน
คัง ซึลกิเป็นคนชอบโกหก...
และเป็นคนที่ทำให้วันแห่งความรักกลายเป็นวันโกหกแห่งชาติขึ้นมาได้อย่างไม่ต้องพยายามมากนัก...
ดอกไม้ดอกแล้วดอกเล่าที่ผ่านเข้ามาในมือซน ซึงวานคนดังทำให้หล่อนยิ้มไม่หุบ ซึลกิไม่เห็นว่าการให้ดอกไม้ช่อใหญ่หรือตุ๊กตาตัวโตจะทำให้ผู้ให้ดูจริงใจต่อผู้รับขึ้นมาสักนิด ทุกคนก็แค่ทำให้ตัวเองดูดีเท่านั้น ไม่มีใครที่อยากให้อย่างจริงใจโดยไม่หวังว่าจะได้อะไรตอบแทนกันหรอก คนที่ให้ดอกไม้กับซึงวานก็หวังว่าจะได้ความรักจากหล่อนตอบกลับไปทั้งนั้น...
ตั้งแต่วันที่ซึงวานมาหาซึลกิถึงที่บ้าน ซึลกิก็เริ่มทำเป็นตั้งใจเรียนขึ้นมาอีกครั้ง โกหกตัวเองว่าเธอเป็นคนที่ดีกว่านี้ได้และพยายามลงมือทำ พยายามทุกอย่างเพื่อให้ซึงวานเลิกเข้ามายุ่งกับคนเกินเยียวยาอย่างเธอเสียที เธอมันก็แค่คนที่ปกปิดสิ่งไม่ดีในตัวได้เก่งจนเหลือเชื่อ ไม่เหมือนกับซึงวานที่ตอนนี้ซึลกิรู้แล้วว่าหล่อนไม่เคยปกปิดด้านไม่ดีของตัวเองเลย
ซึงวานก็แค่เป็นคนดี คนดีที่สมบูรณ์แบบคนนั้น
คนที่ทำให้ซึลกิอยากโกหกกับตัวเองว่าสามารถเป็นคนดีกว่านี้ได้
อยากจะทำอย่างนั้นตลอดไป...
“ถือไหวมั้ยนั่น?”
มันเป็นเวลาเย็นย่ำหลังจากที่เพื่อนในห้องกลับบ้านกันหมด เหลือเพียงซึลกิที่เพิ่งเอางานค้างไปตามส่งกับครูและกลับเข้ามาในห้องเพื่อพบว่าซึงวานกำลังหอบทั้งของขวัญทั้งดอกไม้หลายช่อที่ได้รับและกำลังจะกลับบ้าน
“สบายมาก แบกกองการบ้านพวกเธอไปส่งยังหนักกว่านี้อีก” ซึงวานตอบกลั้วหัวเราะ ซึลกิยิ้มให้กับประโยคนั้นก่อนจะเดินตามหล่อนออกจากห้องเรียน
“ดอกไม้เดี๋ยวมันก็เหี่ยวไม่ใช่เหรอ ไม่ต้องเก็บไว้ก็ได้นะ ฝากเราไปทิ้งได้”
“ก็คงทิ้งตอนที่มันเหี่ยวแล้วนั่นล่ะ ถ้าเราเป็นคนให้ก็คงไม่อยากให้คนรับเอาไปทิ้งตั้งแต่เพิ่งได้มาหรอก”
ซึงวานยังไงก็ยังเป็นซึงวาน กฎของการเป็นหัวหน้าห้องคงระบุไว้ด้วยว่าต้องนึกถึงความรู้สึกคนอื่นเสมอ ซึลกิขยับมือที่จับสายสะพายกระเป๋าเป้ของตัวเองแน่นก่อนจะตัดสินใจหยิบดอกกุหลาบสีแดงที่เริ่มช้ำเพราะอยู่ในกระเป๋ามาทั้งวันเพื่อยื่นให้ซึงวาน
ทุกคนมอบให้เพราะอยากได้รับอะไรตอบแทนกันทั้งนั้น...
“ให้เราเหรอ?” ซึงวานหยุดเดิน ตั้งคำถามและชี้มือข้างที่ว่างไปที่ตัวเองอย่างประหลาดใจ
“เราชอบเธอ”
ซึลกิตอบไม่ตรงคำถาม หลังจากจบประโยคนั้นซึงวานก็นิ่งเงียบเสียจนน่ากลัว นี่คือผลที่ได้จากการไม่โกหกอย่างนั้นหรือ? ซึลกิคิดถูกมาตลอดว่าความจริงบางอย่างก็ไม่ใช่สิ่งที่สมควรพูดออกไป
“นี่เชื่อจริงป้ะเนี่ย? เราล้อเล่น มีคนเค้าฝากมาให้เธอ”
ซึลกิหัวเราะราวกับแกล้งแหย่อีกคนได้สำเร็จ ซึงวานเองก็ขำพรืดออกมาและตีแขนของซึลกิพลางบอกเธอว่าทำให้หล่อนตกใจมากขนาดไหน
นานมากแล้วที่ซึลกิไม่ได้รู้สึกแย่เวลาตัวเองโกหกแบบนี้ แย่เสียจนต้องซ่อนนิ้วที่ไขว้กันไว้ด้านหลังในขณะที่อีกมือยื่นดอกไม้ให้ซึงวานรับเพิ่มไปอีกดอก แค่ดอกเล็กๆที่ไม่สำคัญอะไร
ไม่มีใครเดือดร้อนกับการโกหกอีกครั้งของเธอ...
เพราะเรื่องจริงบางเรื่องก็ไม่มีใครสมควรได้รู้
เรื่องจริงที่ว่าซึลกิไม่ใช่คนดีอย่างที่ซึงวานหวังว่าจะเป็น ซึงวานเองก็ยังไม่เคยรู้ เรื่องจริงที่ว่าซึลกิโกหกได้เก่งมากขนาดไหนซึงวานก็ไม่เคยรู้ ซึงวานก็แค่คนดีที่มองข้อเสียของคนอื่นไม่ค่อยออกเท่านั้น
ถ้าจะมีเรื่องจริงจากซึลกิที่ซึงวานไม่เคยรับรู้เพิ่มอีกสักเรื่องหนึ่งก็คงไม่มีอะไรเปลี่ยนไปทั้งนั้น...
Fin.
อู้วววว นี่คือฟิครวว.เรื่องแรกที่แต่งลงเด็กดีเลย ความจริงเราแต่งไว้ซักพักแล้ว แต่เพราะวันนี้เป็นวันเมษาหน้าโง่พอดีเลยอยากลง ไม่เกี่ยวเนอะ ฮาาาา ดีไม่ดียังไงฝากติชมด้วยนะครัชชช
รักเวนกิมาก รักคนอ่านมากกว่า แต่รักคนเม้นต์มากที่สุด ฮิ <3
ผลงานอื่นๆ ของ Wandyomg ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Wandyomg
ความคิดเห็น